ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S): ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 7,100,000 บาท
ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo): ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 9,900,000 บาท
ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S): ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 11,700,000 บาท
พร้อมกันนี้ เอเอเอสฯ ยังขนทัพยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นเด่น นำโดย นำโดย 911 คาร์เรร่า (911 Carrera ), 911 คาร์เรร่า เอส (911Carrera S), มาคันน์ (Macan), คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid), 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster), 718 บ็อกซเตอร์ จีทีเอส (718 Boxster GTS), และ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4 S) ร่วมจัดแสดงระหว่างวันจันทร์ที่ 13 ถึง วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563 พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้จองรถยนต์ปอร์เช่ในงาน อาทิ
ผู้สั่งจองรถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่นรับอัตราผ่อนชำระดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%
ผู้สั่งจองรถยนต์ปอร์เช่ มาคันน์ ในสต็อก รับฟรีวารันตีจากโรงงานปอร์เช่ 2 ปี
ผู้สั่งจองรถยนต์ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ในสต็อก รับสิทธิ์ผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 60 เดือน
ผู้สั่งจองรถยนต์ปอร์เช่ 911 ในสต็อก รับฟรีส่วนลดเงินสด และฟิล์มกรองแสง
“แม้ไทคานน์ (Taycan) จะแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ยานยนต์อื่นๆ ของเราแต่มันยังคงเปี่ยม ไปด้วยเอกลักษณ์ ของรถสปอร์ต จากปอร์เช่ในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยี สมรรถนะสไตล์สปอร์ต และศักยภาพในการเข้าถึงอารมณ์ ของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง รถสปอร์ตสุดเร้าใจที่ถือกำเนิดมาเพื่อยุคสมัยของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ไทคานน์ (Taycan) คือตัวแทนที่สืบสานจิตวิญญาณจากยานยนต์ระดับตำนานในอดีตซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ผู้หลงใหลใน ประติมากรรมความแรงจากรุ่นสู่รุ่น” ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการปอร์เช่ ประเทศไทยกล่าว
นวัตกรรมการชาร์จพลังงาน เพื่อผู้ครอบครองปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan)
ปอร์เช่ นำเสนอระบบชาร์จพลังงานอัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์ในการใช้งานสำหรับ ไทคานน์ (Taycan) ด้วยอุปกรณ์การชาร์จที่หลากหลาย รวมทั้งแอพพลิเคชัน Porsche Mobile Charger Connect, Porsche Charging Dock and Charging Pedestal และ Porsche Home Energy Manager
ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คือรถยนต์จากสายการผลิตปกติคันแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ แทนที่ระบบเดิมซึ่งมีแรงดันเพียง 400 โวลต์ ในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปสถาปัตยกรรมดังกล่าวส่งผลโดยตรง ต่อสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จพลังงานได้อย่างมาก เมื่อใช้งานสถานีชาร์จแบบ highly powered charging points รวมทั้งสามารถลดปริมาณการใช้สายไฟซึ่งเป็นทั้งการลดน้ำหนักและเพิ่มพื้นที่ใช้งาน ภายในรถไปพร้อมๆ กันชุดกักเก็บพลังงาน Performance Battery Plus ติดตั้งเป็นมาตรฐานในปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Porsche Taycan Turbo S) และ ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) ด้วยขนาดของแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าที่สูงขึ้นช่วยให้การชาร์จพลังงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม เมื่อใช้งานสถานีชาร์จแบบ 800 โวลต์ ซึ่งมี maximum charging capacity (สูงสุด) ที่ 270 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ จะได้รับการชาร์จสำหรับวิ่งเป็นระยะทางสูงสุดถึง 100 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) ภายในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชาร์จพลังงาน จาก 5 – 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (state of charge) ด้วยการใช้เวลาเพียง 22.5 นาที
ในส่วนของการใช้งานผ่านสถานีชาร์จขนาด 400 โวลต์ หากเป็นอุปกรณ์ on-board DC charger ที่มีกำลังไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ ซึ่งติดตั้งเป็นมาตรฐานในประเทศไมย หรืออุปกรณ์ on-board alternating current (AC) charger ที่มีกำลังไฟฟ้า 11 กิโลวัตต์ เพื่อชาร์จพลังงานผ่านระบบไฟฟ้ากระแสสลับ จะต้องใช้ระยะเวลาชาร์จจนเต็มความจุแบตเตอรี่ ประมาณ 9 ชั่วโมง
สมรรรถนะและประสิทธิภาพที่หลอมรวมเป็นหนึ่ง
ในรุ่นเรือธงปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) พกพาพละกำลังสูงสุดกว่า 761 แรงม้า (560 กิโลวัตต์) เพิ่มพลังด้วยฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control ให้อัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที ซึ่งเป็นสมรรถนะที่เทียบเท่ากับ รถสปอร์ตพันธุ์แท้ปอร์เช่ 911 จีที2 อาร์เอส (GT2 RS) แรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดกว่า 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพิสัยการเดินทางสูงสุดทำได้ที่ระยะทาง 412 กิโลเมตร** เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มความจุติดตั้ง อุปกรณ์มาตรฐาน Porsche Electric Sport Sound ให้เสียงจากการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์เสริมอารมณ์ดุดัน สไตล์สปอร์ต
ตามด้วยปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ (Porsche Taycan Turbo) พละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า (500 กิโลวัตต์) เพิ่มพลังด้วยฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control ให้อัตราเร่งจุดหยุดนิ่งไปยังระดับ ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร เดินทางได้สูงสุดด้วย ระยะทางกว่า 450 กิโลเมตร** เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มความจุ
สำหรับรุ่นปอร์เช่ ไทคานน์ 4 เอส (Porsche Taycan 4S) พละกำลังสูงสุด 530 แรงม้า (390 กิโลวัตต์) เพิ่มพลังด้วยฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control ให้อัตราเร่งจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.0 วินาที ติดตั้งชุดกักเก็บพลังงาน Performance Battery พิสัยการ เดินทางสูงสุดอยู่ที่ 407 กิโลเมตร** เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มความจุ ทั้งนี้ลูกค้าสามารถสั่งติดตั้งชุดกักเก็บพลังงาน Performance Battery Plus เป็นอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมได้ในรุ่น ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S) ขยายความจุแบตเตอรี่เป็น 93.4 กิโลวัตต์ ผลที่ได้คือการยกระดับพละกำลังมากขึ้นด้วยแรงม้าสูงสุด 571 แรงม้า (420 กิโลวัตต์) พร้อมระยะทาง ที่วิ่งได้สูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 463 กิโลเมตร**
ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) และ ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงถึง 2 ชุด โดยชุดแรกรับหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า ส่วนอีกชุดส่งกำลัง ไปยังล้อคู่หลัง กล่าวได้ว่ารถคันนี้ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ all-wheel drive นั่นเอง นวัตกรรมระบบส่งกำลังแบบ two-speed transmission คิดค้นขึ้นโดยปอร์เช่ได้รับการติดตั้งในชุดขับเคลื่อนล้อหลังอัตราทดที่ยาวกว่าและการถ่ายทอด พละกำลังที่ต่อเนื่องคือคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมที่ได้จากมอเตอร์ซิงโครนัสชิ้นส่วนของ electric machine ระบบส่งกำลัง และชุดควบคุม pulse-controlled inverter ถูกผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ขนาดที่กะทัดรัดรูปแบบการทำงาน ของโหมดการขับขี่ใน ไทคานน์ ใหม่ (The new Taycan) เป็นไปตามหลักปรัชญาในการออกแบบเดียวกัน กับรถยนต์ปอร์เช่รุ่นอื่น โดยสามารถปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆได้ตามความเหมาะสมของระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงาน ไฟฟ้าสมบูรณ์แบบโหมด Sport Plus และ Individual รวมอยู่ในชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นมาตรฐานใน ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S)
อุปกรณ์ภายนอกเหนือระดับ
อุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือกว่า สำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) ประกอบด้วย ระบบเบรกเซรามิกน้ำหนักเบา Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) และชิ้นงานตัวถังที่ผลิตด้วยวัสดุคาร์บอน อาทิ แผ่นปิดธรณีประตู สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต และดิฟฟิวเซอร์หลังทรงลู่ลม ทั้งนี้สามารถสั่งติดตั้งเพิ่มเติมในรุ่น ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) และ ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S) ไฟหน้า LED Matrix พร้อมระบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus) ติดตั้งเป็นมาตรฐานสำหรับไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) และ ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) ในส่วนของไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S) ติดตั้งไฟหน้า LED พร้อมระบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus)
งานตกแต่งภายในห้องโดยสารเปี่ยมเอกลักษณ์
แรงบันดาลใจในการออกแบบภายในห้องโดยสารสไตล์เรียบหรู สะอาดตา ที่ได้จากปอร์เช่ 911 ตั้งแต่ปี 1963 ติดตั้ง หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 16.9 นิ้ว วางตัวตามแนวโค้งบริเวณส่วนบนของแผงคอนโซลถัดมาด้านล่าง คือหน้าจอ infotainment ขนาดใหญ่ถึง 10.9 นิ้ว พร้อมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็นอุปกรณ์ พิเศษติดตั้งเพิ่มเติมวางตัวต่อเนื่องครอบคลุมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยแผ่นกระจกที่ให้สัมผัสสไตล์ black-panel โดดเด่นด้วยการดีไซน์พื้นห้องโดยสารแบบ “Foot garages” คำนึงถึงตำแหน่งการวางชุดแบตเตอรี่บริเวณพื้นที่ วางเท้าของผู้โดยสารตอนหลังเพื่อให้มั่นใจในความสะดวกสบายขณะเดินทางและเบาะนั่งจะวางตัวในระดับต่ำตาม ลักษณะเฉพาะตัวของรถสปอร์ตพันธุ์แท้
สำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) และ ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) (Taycan) ปอร์เช่นำเสนอมิติใหม่ของงานตกแต่งภายในที่ปราศจากการใช้วัสดุหนังเป็นครั้งแรก ชิ้นงานภายในประกอบด้วย นวัตกรรมวัสดุรีไซเคิลสามารถสั่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์พิเศษได้ในรุ่น ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S) ซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์ แนวคิดในการพัฒนารถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนยาวนาน
กระบวนการผลิตที่ตอบรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
การดูแลรักษาสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืนเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับสายการผลิตปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) ด้วยขั้นตอน การประกอบที่ปราศจากคาร์บอนไดออกไซด์ ยิ่งไปกว่านั้นปอร์เช่ยังสนับสนุนให้พันธมิตรดำเนินงานตามข้อกำหนดด้าน สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน ตามมาตรฐานขององค์กรในการจัดอันดับ เพื่อเลือกสรรบริษัทคู่ค้า ในปี 2019 อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ Responsible Minerals Initiative (RMI) ปอร์เช่มุ่งมั่นพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน ของวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ ให้ตอบรับต่อการพัฒนาสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เป็นเจ้าของ ไทคานน์ (Taycan) พร้อมรับความสะดวกสบายสูงสุด จากบริการเสริมพิเศษรวมทั้งแพคเกจบำรุงรักษา และการรับประกัน 2 ปีจากโรงงานปอร์เช่ มั่นใจยิ่งกว่าด้วยการรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี เมื่อซื้อรถกับ เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
COMMENTS